สัมผัสความหรูหรากับการล่องเรือยอร์ชส่วนตัวที่ภูเก็ต ในราคาที่จับต้องได้
ฤดูร้อนมาถึงแล้วววววว.....คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหากให้คิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในช่วงอากาศอบอ้าวแบบนี้ คนส่วนใหญ่คงต้องตอบว่า ’ทะเล’ กันแน่นอน เพราะแค่คิดว่าร่างกายเราจะได้ไปรับบรรยากาศหาดทรายขาว ๆ และน้ำทะเลที่ใส แอดมินรับรองได้เลยว่าต้องฟินสุด ๆ แต่ว่าบางคนก็อาจจะเบื่อการเดินทางไปเกาะต่าง ๆ ด้วยเรือสปีดโบ๊ทกันแล้วแน่ ๆ วันนี้แอดมินเลยจะมาแนะนำเรือยอร์ชให้ได้นำเอาไปเก็บไว้ในใจเพื่อพิจารณากันสำหรับวันหยุดครั้งหน้า เมื่อพูดว่าเดินทางโดยเรือยอร์ชแล้ว แอดคิดว่าหลาย ๆ คนคงว่า ‘ต้องแพงแน่เลย’ บอกเลยว่าไม่จริงเสมอไปค่ะ! เรามาดูกันเลยว่าเรือยอร์ชลำไหน แบบไหนที่เหมาะสำหรับคุณกัน วันนี้แอดเลยมาสรุปรายละเอียดให้ได้นำไปตัดสินใจ รับรองว่าวันหยุดรอบนี้ผู้อ่านจะได้ไอเดียใหม่ ๆ ในการไปเที่ยวทะเลกันแน่นอน
เส้นทาง
1. แพคเกจเช่าเหมาลำ
2. รายละเอียดเส้นทาง
2.1 เกาะเฮ
2.2 เกาะราชา
2.3 เกาะไข่
2.4 เกาะไม้ท่อน
2.5 แหลมพรหมเทพ
เส้นทางเหมาเรือยอร์ชภูเก็ต
เส้นทาง | ระยะเวลา (ชม.) |
ราคา |
3.5 |
|
|
5 |
|
|
5 |
|
|
5 |
|
|
8 |
|
|
8 |
|
|
6 |
|
|
10.5 |
1-15 คน – 22,500 บาท |
* ระยะเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ
** ราคาที่ระบุเป็นราคาสำหรับเรือใบยอร์ช ซึ่งอาจมีการแปรผันตามความต้องการของลูกค้า เช่น ต้องการเพิ่มรถรับส่ง อาหาร และขนาดของเรือ
รายละเอียดของแต่ละเส้นทาง
1. เกาะเฮ
หากพูดถึงเกาะใกล้ภูเก็ตที่เดินทางง่ายและรวดเร็วนั้น ชื่อ ‘เกาะเฮ’ คงโผล่ขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรก ๆ แน่นอน ด้วยการเดินทางเพียงแค่ 40 นาทีโดยเรือยอร์ช พร้อมด้วยชายหาดที่สามารถเดินลงไปเล่นน้ำรวมถึงดำน้ำตื้นหน้าหาดเพื่อดูเหล่าปลาและปะการังใต้น้ำได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำอื่น ๆ ให้ได้เล่นสนุกสนานกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเล่นบานาน่าโบ๊ท พายเรือคายัคใส หรือจะเล่นพาราเซลลิ่ง เรียกว่าไปเกาะเฮเกาะเดียวแต่ได้ทำกิจกรรมครบครัน ด้วยการเดินทางจากภูเก็ตที่ไม่ไกล ทำให้เกาะเฮนั้นเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเรานั้นสามารถเดินทางไปเกาะเฮได้ทั้งเรือสปีดโบ๊ท เรือหางยาว และเรือใบยอร์ช ซึ่งแต่ละเรือก็จมีเอกลักษณ์และบรรยากาศการเดินทางที่แตกต่างกันออกไป
หากใครต้องการล่องเรือรับลมและไอแดดแบบชิล ๆ ไม่เร่งรีบ แอดมินก็แนะนำเป็นเรือยอร์ชเลย เพราะนอกจากบรรยากาศจะดีสุดฟินแล้วนั้น ยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ชิค ๆ ให้ได้แชะภาพกันลงไอจีกันอีกด้วย นอกจากจะไปใช้เวลาพักผ่อนบนหาดของเกาะเฮกันแล้วนั้นยังสามารถไปดำน้ำได้อีกด้วย อีกจุดหนึ่งที่ควรไปและมีเฉพาะรอบบ่ายเท่านั้น คือชมพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพนั่นเอง ดูพระอาทิตย์ดวงโตที่ลาลับขอบฟ้าเพื่อเป็นการปิดทริป โดยเรือที่เหมาะสมกับการทำทริปนี้นั้นมีหลากหลายลำ หลากหลายราคาให้ได้เลือกกัน เดี๋ยวแอดจะทำการแนะนำเรือและคุณสมบัติแต่ละลำให้ได้อ่านด้านล่างกันต่อไปนะคะ แต่ต่อไปเราไปดูอีกเกาะนึงที่สามารถไปได้โดยล่องเรือยอร์ชชิล ๆ กันดีกว่า
สำหรับโปรแกรมเช่าเรือยอร์ชเหมาลำไปเกาะเฮนั้น มีตัวเลือกที่หลากหลาย ขึ้นกับความต้องการของแต่ละคน ถ้าต้องการเหมาเรือในราคาประหยัด เรามีโปรแกรมครึ่งวันเช้าที่ราคาเพียงลำละ 8,800 บาท หรือถ้าเหมาช่วงบ่ายก็ราคาสูงขึ้น แต่มีเวลามากขึ้น และได้ออกไปดำน้ำดูปะการังด้วย เท่านั้นยังไม่พอ เพิ่มราคาอีกนิดก็สามารถเพิ่มจุดแวะชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพก่อนกลับได้อีกด้วย
2. เกาะราชา
มาสู่เกาะที่สองกันต่อเลยค่ะ จะบอกว่าเกาะนี้นั่นก็เป็นที่นิยมสำหรับคนที่รักธรรมชาติโดยเฉพาะคนที่ชอบทะเลน้ำสีครามและหาดสีขาว ๆ และนอกจากนี้แล้วเกาะราชานั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นอีก 1 จุดของเกาะภูเก็ตที่มีความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากตัวภูเก็ต ดังนั้นเกาะราชานี้ก็เป็นอีกเกาะที่ใครหลายๆคนมักชอบไปเที่ยวกันทั้งไปค้างคืนหรือเช้าไปเย็นกลับ โดยหากใครสนใจอยากจะเช่าเรือยอร์ชแบบเหมาเรือทั้งลำเพื่อไปเที่ยวทะเลภูเก็ตกับเพื่อนๆหรือครอบครัวแบบส่วนตั๊ววว...ส่วนตัว บอกเลยว่าก็สามารถจัดรูปแบบเส้นทางได้หลากหลาย ทั้งเกาะเฮและเกาะราชาพร้อมชมพระอาทิตย์ตกสวย ๆ ฟิน ๆ กลางทะเลอันดามันหรือหากใครอยากไปชมพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวกลางทะเลที่สวยที่สุดในประเทศไทยอย่าง ‘แหลมพรหมเทพ’ ก็บอกเลยว่าสามารถจัดแบบเต็มวันจุก ๆ ได้เลยเช่นกัน
3. เกาะไข่
ยาวไป ๆ กับเกาะที่สามกันเลยยย ‘เกาะไข่’ อันมีรูปร่างคล้ายกับไข่ดาวที่ตั้งปุ๊กอยู่กลางทะเล เป็นเกาะอีกแห่งหนึ่งที่เหมาะสมกับการพักผ่อนหย่อนใจชิล ๆ สบาย ๆ พร้อมครอบครัวหรือเหล่าก๊วนเพื่อน เพราะบนเกาะไข่นี้นั่นมีกิจกรรมบนหาดให้ทำอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนอนอาบแดดรับวิตามินในยามสาย ๆ เล่นน้ำทะเล ดูปะการังจากหน้าหาด บอกเลยว่าแค่น้ำทะเลเท่าหัวเข่าก้มมองลงไปใต้น้ำก็จะเห็นฝูงปลามากมาย นอกจากนี้แล้วหากใครเบื่อ ๆ ก็สามารถไปดำน้ำที่จุดดำน้ำ ณ เกาะไข่นุ้ยได้อีกด้วย ชิลขนาดนี้บอกเลยว่าเดินทางไม่ไกลเลยค่ะจากภูเก็ต เรียกว่าล่องเรือรับลมเรื่อย ๆ พอถึงเกาะไข่ปุ๊บก็กระโดดลงดำน้ำปั๊บ! ฟินสุด ๆ
4. เกาะไม้ท่อน
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับเกาะไม้ท่อน อีกเกาะหนึ่งของภูเก็ตที่เรียกว่าเป็นเกาะชื่อดังและเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รักหรือคู่สามี-ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานและต้องการหาสถานที่โรแมนติกสำหรับใช้เวลาฮันนีมูนด้วยกัน เพราะเกาะไม้ท่อนนั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘มัลดีฟส์เมืองไทย’ ฉายานี้นั้นไม่ได้เกินจริงเลยค่ะ เพราะเกาะไม้ท่อนนั้นมีกิจกรรมมากมายให้ได้ทำกัน ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำตื้นจากหน้าหาด บอกเลยว่าเกาะนี้นั่นยังมีปะการังหน้าหาดที่ค่อนข้างสมบูรณ์รวมทั้งฝูงปลามากมาย อันเนื่องมากจากเป็นเกาะส่วนตัวดังนั้นสภาพแวดล้อมใต้ทะเลจึงยังอุดมสสมบูรณ์ เช่น ปลาปักเป้า ปลานีโม่และปลาอื่นๆอีกหลากหลายสายพันธุ์ หากใครมากันเป็นคู่แล้วล่ะก็..บอกเลยว่าต้องห้ามพลาดกับจุดถ่ายรูปสุดโรแมนติกกับศาลาที่ตกแต่งด้วยผ้าม่านสีขาวที่จะพลิ้วปลิวไปตามสายลม บอกเลยว่าโรแมนติกสุดๆเลยล่ะค่ะ
5. แหลมพรหมเทพ
มาถึงจุดแลนด์มาร์คของภูเก็ตกันดีกว่า.....ว่ากันว่าหากใครมาภูเก็ตแล้วไม่มาเยือนแหลมพรหมเทพก็ถือว่ามาไม่ถึงภูเก็ต เพราะว่าแหลมพรหมเทพนั้นได้รับการขนานนามว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกติดทะเลที่สวยที่สุดในประเทศไทย เกริ่นมาแบบนี้หลายคนคงคิดว่าแล้วยังไงต่อเนี่ย บอกเลยว่านี่มันไม่จบค่ะ! เพราะหากเราไปชมพระอาทิตย์ที่แหลมพรหมเทพโดยเรือยอร์ชแล้วนั้น เราจะได้ไปชมทัศนียภาพที่มีอะไรมากกว่าแหลมพรหมเทพแน่นอน นั่นก็คือหลังจากที่เราผ่านตรงแหลมพรหมเทพแล้ว เราก็จะเข้าไปสู่เวิ้งของอ่าวยะนุ้ย ล่องต่อไปโดยผ่านหาดทรายขาวที่ทอดตัวยาวอย่างหาดในหาน และจบที่แหลมกระทิง ซึ่งทุกจุดนั้นเป็นจุดที่เป็นลักษณะเป็นครึ่งวงกลม ตอนเราล่องเรือนั้นบรรยากาศและแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะโบกมือลับขอบฟ้านั้นบอกเลยว่าบรรยากาศดีม้ากกกก..... เรียกว่ามาแหลมพรหมเทพที่เดียวแต่บรรยากาศเต็มอิ่มแน่นอน
6. เกาะโหลน
เกาะโหลนเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือฉลองที่เป็นจุดจอดเรือยอร์ช ดังนั้นการเดินทางจึงใช้เวลาไม่นาน และสามารถทำกิจกรรมได้เหมือนเที่ยวเกาะอื่น ๆ เช่น การดำน้ำตื้น พายเรือคายัค พักผ่อนบนชายหาด และที่สำคัญพลาดไม่ได้กับการพาย Paddle Board กิจกรรมยอดฮิตในหมู่วัยรุ่น แม้สภาพทะเลและชายหาดบริเวณนี้อาจไม่สวยงามเท่าเกาะอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไป แต่เส้นทางนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่กำลังมองหาทริปเรือยอร์ชแบบส่วนตัวในราคาประหยัด
เป็นไงกันบ้างคะกับเกาะทั้ง 6 เกาะที่แอดมินมาแนะนำกันในวันนี้ บอกเลยว่าทั้ง 6 เกาะนี้บางคนอาจจะเคยไปกันมาแล้วโดยเดินทางด้วยเรือเร็วอย่างเรือสปีทโบ๊ท แต่วันนี้แอดมินมาแนะนำการเดินทางโดยเรือยอร์ชที่จะมาเปลี่ยนบรรยากาศทริปของคุณไปเลยล่ะ หากเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ทนั้นจะได้บรรยากาศแบบรวดเร็ว อยู่บนเรือไม่นาน เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด ส่วนหากเดินทางโดยเรือยอร์ชนั้นจะเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการสัมผัสกับบรรยากาศแบบเรื่อย ๆ สบาย ๆ สายชิล เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าหากอยากไปเที่ยวเกาะทั้ง 5 นี้แบบเหมาเรือยอร์ชสุดหรูทั้งลำเนี่ย ต้องเลือกเรือแบบไหน ลำไหนถึงจะเหมาะกับคุณดี
เอาล่ะคราวนี้แอดมินเชื่อว่าหลายๆคนเริ่มคิดกันแล้วแน่นอนว่าแล้วถ้าเราจะไปล่องเรือยอร์ชให้ได้ฟีลลิ่งหรูๆสวยๆถ่ายรูปลงโซเชียลต้องไปลำไหน เรือยอร์ชแบบไหนถึงจะเหมาะกับตัวเองนะ..... ไม่ต้องกังวลค่ะ แอดมินจะพาทุกคนไปรู้จักกับเรือยอร์ชแต่ละลำเอง โดยหลัก ๆ แล้วประเทศไทยนั้นมักจะใช้เรือยอร์ชประเภท sailing yacht ซึ่งถือว่าเป็นเรือยอร์ชที่เหมาะกับการไปล่องรับลมและกลิ่นอายทะเลแบบชิล ๆ ไม่เร่งรีบ ซึ่งส่วนใหญ่นั้นมักจะใช้เรือยอร์ชจากแบรนด์ลากูน (Lagoon) ซึ่งถือว่าเป็นเรือยอร์ชที่มีชื่อเสียงระดับโลกเรียกว่าเทียบได้เท่ากับรถยนต์สุดหรูเลยทีเดียว เรือยอร์ชจากแบรนด์ลากูนนั้นเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมและหลากหลายประเทศได้ทำการนำไปใช้ในการล่องเรือ ดังนั้นเราจะสังเกตุได้ว่าเวลาคนลงรูปล่องเรือนั้นมักจะสัมผัสได้ถึงความหรูหรา แอดมินบอกเลยว่าบรรยากาศระหว่างที่เราล่องเรือนั้นจะไม่ดูเหมือนเรากำลังอยู่บนเรือที่กำลังล่องอยู่ในทะเลเลย เนื่องจากบนเรือยอร์ชแบรนด์นี้นั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ เช่น ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น บอกเลยว่าไม่ว่าจะไปแบบแก๊งค์เพื่อนหรือเที่ยวแบบครอบครัวก็สามารถไปกันได้แบบไม่ต้องกังวลใจเลยว่าเรือจะแน่นเกินไปมั้ย เป็นไงกันบ้างคะหลังจากแอดมินแนะนำให้ทุกคนรู้จักเรือยอร์ชกันแล้ว ต่อไปก็จะเป็นรายละเอียดที่ยิบย่อยลงไปอีกนิด นั่นก็คือค่าใช้จ่ายคร่าวๆของเรือแต่ละลำนั่นเอง แอดมินกระซิบบอกเลยว่าไม่แพงอย่างที่คิดกันแน่นอน รับรองว่าซัมเมอร์นี้ต้องปังในราคาเป็นมิตรอย่างแน่นอน!